ทัวร์ส่วนตัวยุโรป (FRN001) เยอรมัน-ฝรั่งเศส (Classic of Rhine-Black Forest-Alsace)

       

ทัวร์ยุโรปส่วนตัว เยอรมัน-ฝรั่งเศส (Classic of Rhine-Back Forrest-Alsac) ลุ่มแม่น้ำไรน์และป่าดำฝั่งเยอรมัน กับแคว้นไวน์ อัลซาส ฝรั่งเศส

เส้นทางนี้เป็นเส้นทางสุดคลาสสิคที่น่าขับรถเที่ยวเป็นที่สุด เพราะได้ชม ได้แวะชิม ตลอดทาง เหมาะสำหรับท่านที่ชอบดื่มและมีรสนิยมสุนทรีย์ ลุ่มแม่น้ำไรน์มอบความงามของไร่ไวน์แบบเยอรมัน พักผ่อนที่ป่าดำคือแคว้นป่าและสปาที่งดงาม จากนั้นเลาะเมืองเล็กเมืองน้อยแห่งแคว้นอัลซาส แคว้นไร่ไวน์ของฝรั่งเศส ที่เมืองเต็มไปด้วยดอกไม้งามตา แถบนี้ไม่เป็นรองใครเรื่องขับรถเที่ยว 

ทัวร์ส่วนตัวยุโรป เยอรมัน-ฝรั่งเศส (Classic of Rhine-Black Forest-Alsace)
       Day 1 - Frankfurt - Rhine Valley - Rudesheim am Rhein - Sankt Goar - Boppard
       Day 2 - Darmstadt - Heidelberg
       Day 3 - Karlsruhe - Stuttgart
       Day 4 - Baden - Baden
       Day 5 - Strasbourg - Thann
       Day 6 - Eguisheim - Colmar - Riquewihr - Freiburg
       Day 7 - Freiburg
       Day 8 - Frankfurt Airport - Departure 


       1 - Frankfurt - Rhine Valley - Rudesheim am Rhein - Sankt Goar - Boppard 
       
       รับท่าน ณ เกตทางออกสนามบิน ช่วงเช้าพาเที่ยวแฟรงเฟิร์ต เมืองที่ได้รับการพัฒนาจนกลายมาเป็นเมืองนานาชาติ เนื่องจากมีทำเลที่ตั้งเป็นเสมือนเส้นตัดกันของถนน รถไฟ และเครื่องบินที่สำคัญๆ เป็นที่ตั้งของโลกทางด้านเศรษฐกิจ ตึกสูงระฟ้าที่มีธนาคารต่างชาติ และสถาบันการเงินต่างๆตั้งอยู่ อาทิ ธนาคารบุนเดส สถาบันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศเยอรมนี รวมไปถึงสถาบันทางการเงินชั้นแนวหน้ามากมาย
       
       จัตุรัสรือเมอร์ (ROMERBERG) ย่านใจกลางเมืองเก่า อันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (THE ROMER) ศิลปะแบบโกธิคที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง
       
       ชมโบส์ถเซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมือง ชมอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า “ออสไซเล่อ” (OSTZEILE) ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิมที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองได้ทุกรายละเอียด
       
       ถ่ายภาพความสวยงามของน้ำพุแห่งความยุติธรรม (GERECHTIGKEITSBRUNNEN) ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน
       
       ได้เวลาอันสมควร อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายบริเวณถนนสายช้อปปิ้ง ย่านถนนซายล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาวที่สุดของประเทศเยอรมนีที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย
       
       จากนั้น เดินทางไปยังแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมือง Koblenz ถึงเมือง Bingen รวมระยะทาง 65 กม. ถือเป็นพื้นที่มรดกโลก (Rhine Gorge World Heritage)
       
       ล่องเรือชมแม่น้ำไรน์ ปราสาทริมไร่ไวน์ ที่ Sankt Goar รอบ 15.15 น. ไปยังเมือง Boppard (ศูนย์กลางการ ผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดบนลุ่มแม่น้ำไรน์ตอนกลาง) เป็นช่วงที่ลำน้ำแคบและคดเคี้ยวไปมาในหุบเขางดงามตา ริมสองฝากฝั่งที่เต็มไปด้วยปราสาท ความเขียวขจีของ ขุนเขา แม่น้ำไรน์ และไหล่เขาที่ปลูกไร่องุ่น ระยะเวลาล่องเรือ 45 นาที
       
       ขึ้นเรือแล้ว นั่งรถมาเมืองรูเดสไฮม์ อัม ไรน์ (Rudesheim am Rhein) เมืองศูนย์กลางไวน์เก่าแก่ เป็นเมืองขนาดเล็กที่มีประชากรเพียงหมื่นคนเศษๆ ตั้งอยู่ทางตะวันออกของฝั่งแม่น้ำไรน์ที่มีชื่อเสียงด้านการผลิดตไวน์ชั้นดีมีโบสถ์ และอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่ และมีภูมิทัศน์ริมฝั่งแม่น้ำไรน์ที่สวยงามมีเสน่ห์ พาเดินเล่นถนนที่ดังที่สุดของเมือง ถนน Drosselgasse ยาว 144 เมตร แต่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว จากทั่วโลก
       
       หากต้องการ ชมพิพิธภัณฑ์ไวน์ไรน์ เกา (Rheingau Wine Museum) อันเลื่องชื่อในหมู่คอไวน์ เพราะเป็นแหล่งรวบรวมประวัติความเป็นมาของการผลิตไวน์ในเมืองรูเดสไฮม์ จากนั้นนำท่านชมอาคารไม้ ที่มีลวดลายสวยงาม และเป็นอาคารไม้เก่าแก่ของเมืองที่สร้าง ขึ้นตั้งแต่สมันศตวรรษที่ 16 ที่เรียกว่า Klun- khardshof ถ่ายภาพกับหอพญาอินทรีย์ (EAGLE TOWER) หอคอยสูงประมาณ 20 เมตรอันเคยเป็นสถานที่ที่เกอเธ่ กวีเอกของเยอรมันมาพักอาศัยช่วงที่เดินทางมาเมืองแห่งนี้ 
       
       ค้างคืนแถบเมืองรูเดสไฮม์ อัม ไรน์ (Rudesheim am Rhein หรือแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ 

 2 - Darmstadt - Heidelberg
       
        เวลา 9.00 น. ออกเดินทางไปเมืองเก่าไฮเดลแบร์ก (ระยะทาง 115 km.) โดยหากท่านต้องการ ระหว่างทางแวะชมเมืองแดมสตัดท์ (Darmstadt) เมืองศูนย์กลางเคมี อิเลคทรอนิคส์ และวิทยาศาสตร์ของเยอรมัน นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตยารักษาโรคที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยี่ห้อ Merck ได้ด้วย
       
       ที่เมืองแดมสตัดท์ (Darmstadt) พาแวะชม
        - จตุรัสกลางเมือง ‘Schlossplatz’ ตั้งอยู่หน้า Ducal Palace
        - อพาร์ทเมนต์ชื่อดัง Waldspirale ที่สร้างโดยสถาปนิกชื่อดัง Hundertwasser สร้างในปี 200 และเป็นปีเดียวกับที่สถาปนิกถึงแก่กรรมลง ลักษณะการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เหมือนสวนสนุกขนาดใหญ่ ปลูกต้นไม้บนผนังนอกตัวอาคารอย่างแปลกตา
        - หากต้องการพาชม Luisenplatz แหล่งชอปปิ้ง ประจำเมือง
       
       
       จากนั้นเดินทางไปเมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) เป็นเมืองเก่าแก่ อายุกว่า 600 ปี และมหาวิทยาลัยไฮเดลแบร์กมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศ (หากต้องการพาแวะชม) และเป็นเมืองที่ทรงพระราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 8 ณ โรงพยาบาลเฟราเอน (Frauenklinik) เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468
       
       เป็นเมืองที่แสดงความเป็นตัวตนของความเป็นเยอรมันโรแมนติกได้ดีที่สุด ตั้งอยู่บนชายป่าโอเดนวาลด์ (ODENWALD MOUNTAIN CHAIN) ที่ซึ่งแม่น้ำเนคการ์ (NECKAR RIVER) ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำไรน์ (RHINE RIVER) ตัวเมืองตั้งเด่นเป็นตระง่านอยู่บนเนินริมฝั่งแม่น้ำ ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของโกธิคสมัยกลาง และเคยถูกกองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าทำลายเมื่อปีค.ศ 1689 และในปีค.ศ 1693 
       
       - พาชมสะพาน ฝั่งแม่น้ำเนคค่า (Neckar) และข้ามไปเขตเมืองเก่าที่สวยงาม ขึ้นรถรางไปยังปราสาทประจำเมือง ที่นี่มีถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วิวบนปราสาทมองลงมาด้านล่าง จะเห็นเมืองเป็นสีน้ำตาล คนเยอรมันชมว่าเป็นวิวเมืองที่งามที่สุดในเยอรมัน
       
       - ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (HEIDELBER CASTLE) ซึ่งในอดีตเป็นป้อมปราการ และต่อมาได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นปราสาทเมื่อปีค.ศ 1544 แม้ปราสาทแห่งนี้จะเคยถูกเผาและทำลายไปบ้างในสมัยสงคราม และก็ยังคงสภาพความสวยงามอยู่เหนือแม่น้ำเนคการ์ได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ อิสระให้ท่านตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของปราสาท ถ่ายภาพความงดงาม พร้อมชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำ และเมืองไฮเดลเบิร์ก
       อิสระให้ชอปปิ้ง และรับประทานอาหารเย็น เช็คอิน ค้างคืนที่เมืองไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) 

 
       3 - Karlsruhe - Stuttgart
       
        ช่วงเช้า เดินทางไปเมืองคารล์ซัว (Karlsruhe) เป็นเมืองน่ารักเมืองหนึ่งในแคว้นป่าดำ
        - พาท่านชมจุดศูนย์กลางเมืองที่สวยที่สุด บริเวณจตุรัส Schlossplatz อันเป็นที่ตั้งของพระราชวัง Karlsruhe Palace สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1715 ด้านในยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Landesmuseum ซึ่งจัดแสดงภาพศิลปะ งานเอนทีค ทั้งของเก่าและยุคใหม่
        - ชมย่านชอปปิ้งประจำเมือง Marktplatz ตรงกลางมีเอกลักษณ์คือเสาหินทรงปิระมิดขนาดราว 6 เมตร
        - หากต้องการ พาชมแกลอรีรวมภาพเขียนบาวาเรีย Bavarian State Art Gallery (Staatliche Kunsthalle Karlsruhe) ส่วนที่เป็นไฮไลต์คือส่วนที่ชื่อว่า Orangery ซึ่งจัดแสดงถาวร ภาพเขียนของศิลปินเยอรมัน ระหว่างปี 1890 ถึงปัจจุบัน รวมถึงของศิลปินฝรั่งเศสชื่อดังอย่าง Monet, C?zanne, และ Degas
        - สวนสาธาณะประจำเมือง (Stadtgarten) ที่มี Japanese Garden และสปา Vierordt Baths/Tulla Baths รวมถึงสวนสัตว์ จัดเป็นสถานที่เดินเล่นประจำเมืองสปาแห่งนี้
       
        จากนั้นออกเดินทางไปเมืองสตุทการ์ด (Stuttgart) โดยระหว่างทาง หากต้องการ พาแวะ Pforzheim เมืองทำจิวเวลี และนาฬิกาข้อมือ สมญานาม Goldstadt ("Golden City”) เช่น นาฬิกา Aristo, Laco and Stowa, Eszeha” Chopard. (เฟม) Maurice Lacroix, Sector และ Cimier
       
        - ที่นี่ยังมีโรงเรียนสอนทำนาฬิกาอย่าง Vocational School for Watchmakers Pforzheim (Berufsfachschule f?r Uhrmacher) อีกด้วยค่ะ
       
        - สำหรับชื่อเสียงของเมืองนี้ นอกจากเรื่องเรือนทอง นาฬิกา และเครื่องประจำแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยว ไปยังฝั่งน้ำ Enz, Nagold, และ W?rm ในแคว้นป่าดำ
       
        - จุดท่องเที่ยวของเมืองนี้คือ Schlosskirche ส่วนหนึ่งของพระราชวังเก่า ศูนย์กลางเมืองที่น่ารัก Marktplatz ที่ตั้งของร้านค้าและคาเฟ่ โบสถ์เก่าประจำเมืองอย่าง St. Martin's Church สร้างแบบโรมันเนสก์ ในศตวรรษที่ 12 และสวนศาลาประชาคม (Stadtgarten หรือ Municipal Park) ซึ่งตั้งชื่อแอเรียนี้ว่า Reuchlinhaus ตามชื่อนักสิทธิมนุษยชนชาวเยอรมัน Johannes Reuchlin
       
        - ในส่วนนี้ จะมีอีกไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ Pforzheim Jewelry Museum (Schmuckmuseum) จัดแสดงงานเครื่องประจำและนาฬิกาของเมืองนี้ มากกว่า 2,000 ชิ้น และบางชิ้นมีอายุกว่า 5,000 ปี และยังมี Museum of Technology ที่จัดแสดงเทคนิควิธีการทำนาฬิกาและเครื่องประดับด้วย
       
       
       ได้เวลา ออกเดินทางจากเมืองนี้ไปสตุทการ์ด (Stuttgart) ระยะทางเพียง 50 กม. สตุดการ์ดเป็นเมืองใหญ่ของเยอรมัน เคยถูกสงครามโลกทำลายอย่างหนัก
       
        - จุดท่องเที่ยวใจกลางเมืองสตุทการ์ด คือ Schillerplatz และเมืองเก่า พระราชวังเก่า อนุสาวรีย์ Friedrich Schiller นักกวีและปรัชญาที่มีชื่อเสียงที่สุดของเยอรมัน ศาลาว่าการประจำเมือง (Town Hall) ที่มีความสูงถึง 61 เมตร
       
        - เมืองเก่าอีกฝั่งหนึ่ง คือ พื้นที่บริเวณ Prinzenbau ที่ตั้งของผู้ครองนครหลายรุ่น
       
        - พระราชวังใหม่ Neues Schloss และพระราชวังเก่า Altes Schloss สร้างในสไตล์บาโร้ค เสร็จเมื่อปี 1807 ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของกษัตริย์ ปัจจุบันเป็นของรัฐบาล
       
        - หากมีเวลาเหลือ พาชมพิพิธภัณฑ์ Mercedes-Benz และ Porsche เพราะเมืองนี้เป็นศูนย์กลางผลิตที่สำคัญที่สุด คนสตุดการ์ด รักเครื่องยานยนต์ในดีเอ็นเอ และทำรถเก่ง  เมอซิเดสเกิดขึ้นในปี 1887 เมื่อ Gottlieb Daimler และ Wilhelm Maybach เปิดร้านครั้งแรกที่นี่ พิพิธภัณฑ์ตัดแสดงประวัติศาสตร์กว่า 160 คัน
       
        - ใกล้ๆ กันเป็นที่ตั้งของโรงงาน Untert?rkheim diesel engine factory ที่เปิดให้ชม เช่นเดียวกับ Porsche Museum ที่จัดแสดงยานยนต์กว่า 300 คัน
       
        - แหล่งชอปปิ้งในสตุดการ์ท คือที่ Schlossplatz ซึ่งมีอาเขตชอปปิ้ง สวนน่ารักอย่าง Jubilee Column รูปนั้น และน้ำพุ หากต้องการชมพวกบูติดชอป ไปที่ Kleiner Schlossplatz และที่ K?nigstrasse รวมถึงย่าน Hauptbahnhof
       
        - ในส่วนของศิลปะ Kunstmuseum Stuttgart มีชื่อในเรื่องภาพเขียนแนว Contemporary และงานสมัยใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพิ่งเปิดในปี 2005 ออกแบบเป็นอาคารกระจำขนาดใหญ่ และด้านในโอ่โถงกว่า 5,000 ตารางเมตร งานสะสมของศิลปินเยอรมัน เช่น Otto Dix, Dieter Roth และ Willi Baumeister
       
        - นอกจากนี้ ผู้รักศิลปะ อาจเลือกไปชมพิพิธภัณฑ์ Kunstgeb?ude เปิดในปี 1913 ถือเป็นสุดยอด Municipal Art Gallery
       
        - หากต้องการพาไป Shopping Outlet Brandname ซึ่งอยู่นอกเมือง Outletcity Metzingen มีแบรนด์ที่คนไทยชอบมากมาย ถือเป็นเอ้าท์เล็ตแห่งหนึ่งในยุโรป ที่ของเยอะมาก และลดเยอะจริงๆ 

 
       4 - Baden - Baden
       
        เดินทางไปเมืองบาเดนบาเดน (Baden-Baden) ระยะทาง 110 กม. โดยระหว่างทาง หากต้องการพาเดินทางไป 70 กม. (1 ชม.) เพื่อชมปราสาท Hohenzollern Castle เป็นปราสาทโบราณที่สวยงาม ตั้งอยู่บนยอดเขา Hohenzollern เป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดของเยอรมัน (Top 6) มีผู้ไปเที่ยวแต่ละปี กว่า 3 แสนคน
       
       เริ่มสร้างในศตวรรษที่ 11 ในแบบ English Neo-Gothic โดยสร้างเสร็จในศตวรรษที่ 19 ในยุคของ King Fredrick William IV of Prussia เป็นปราสาทประจำตระกูล Hohnzollern ต่อมาตกเป็นของจักรพรรดิ์และกษัตริย์หลายพระองค์
       
       ระหว่างทาง ผ่านโรงงาน Porsche ฝ่ายวิศวกรรม แวะถ่ายภาพหน้าโรงงานได้ค่ะ
       
       จากนั้นเดินทาง 110 กม. ถึงเมืองบาเดน บาเดน (Baden Baden) (65 กิโลเมตร) เที่ยวเมืองสปาน้ำแร่ที่มีชื่อเสียง้อันดับต้นๆของโลกที่มีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปี เป็นเมืองเก่าแก่ที่ไม่ได้ถูกทำลายไปในสมัยสงครามโลกทั้งสองครั้ง ในอดีตมีบุคคลสำคัญต่างๆเดินทางมาที่แห่งนี้ เพื่อมาอาบน้ำแร่ที่เชื่อว่าจะทำให้โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
       
       ปัจจุบันกลายเป็นเมืองตากอากาศราคาแพงที่คนร่ำรวยมีฐานะมักเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจ จนถูกเรียกว่าเป็นเมืองหลวงน่าร้อนของยุโรป เพราะน้ำแร่ของที่นี่ผุดขึ้นมาจากตาน้ำทั้ง 12 แห่งรอบๆเมือง ทำให้น้ำที่นี่มีแร่ธาตุสูง และราคาก็สูงมากด้วยเช่นกัน
       
       เมืองนี้ตั้งอยู่ปลายทางเขตป่าดำ เป็นเมืองที่มีน้ำพุร้อนที่มีเกลือแร่ธาตุเหมาะแก่การแช่ตัวเพื่อความงาม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองสปาที่ดีที่สุดในยุโรป สมญานาม “เมืองหลวงของยุโรปในฤดูร้อน” และยังเป็นเมืองที่อากาศดีที่สุดในเยอรมัน มีน้ำพุร้อนที่ดีมากมาย ถือเป็นเมืองสปาที่ดังที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป ตั้งแต่ยุคโรมัน ใจกลางเมือง มีสวนน่านั่ง บรรยากาศดีๆ รื่นรมย์ น่าพักผ่อน มีสปาหลายแห่ง มีสปาที่หรูที่สุดชื่อ Friedrichsbad เป็นสไตล์โรมัน ตั้งมานานกว่า 170 ปี และยังมีสปาอื่นๆ อีกหลายแห่งในเมืองนี้
       
       เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางกีฬาในหน้าหราว ทั้งสกี เดินเขา ศูนย์กลางการท่องเที่ยวในเส้นทาง Schwarzwald-Hochstrasse ของแคว้นป่าดำ
       
       เดินเล่นชมเมืองที่มีความสวยงามเกินมาตรฐานเยอรมัน ทั้งความเก่าแก่แบบสวยคลาสสิค หรูหราฟู่ฟ่าที่ไม่เหมือนเมืองเยอรมันทั่วๆไป
       
       พาเดินเล่น Spa Park และโรงน้ำแร่ Caf? Bar Trinkhalle และรอบเมืองๆ ชมสปาประจำเมือง Friedrichsbad Roman-Irish Bath (กรุณาเตรียมชุดว่ายน้ำค่ะ หากต้องกาเล่นน้ำ แต่แก้ผ้าหมด) และด้านหน้า Caracalla spa (มีสระน้ำแร่ 12 สระ ที่ดึงน้ำแร่จากใต้ดิน 2,000 เมตร)
       
       หากท่านต้องการ พาชมปราสาทหินที่เก่าแก่ของเมือง Burg Hohenbaden จากนั้นพารับประทานอาหารเย็น และค้างคืนที่เมืองบาเดนบาเดน

 
       
        5 - Strasbourg - Thann
       
        เดินทางไปฝั่งประเทศฝรั่งเศส ที่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ระยะทาง 60 กม. เมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace) ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำไรน์ บนพรมแดนติดกับประเทศเยอรมนี
       
        แคว้นอัลซาส (Alsace) นี้เป็นอีกหนึ่งแคว้นของฝรั่งเศส ที่หลายคนต่างร่ำลือกันว่า เป็นแคว้นที่ยังคงรักษาวัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่นเอาไว้เป็นอย่างดี ดินแดนที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตและความเป็นอยู่แบบเก่า รวมไปถึงเหล่าอาคารบ้านเรือนที่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่น ที่มีความสวยงามไม่เปลี่ยนแปลง
       
        เมืองสตราสบูร์ก ได้รับเลือกเป็นเมืองหลวงของสหภาพยุโรป หากต้องการพาถ่ายภาพกับอาคาร Palais de l'Europe was ที่สร้างในปี 1972 - 1977 ซึ่งเป็นที่ประชุมของสมาชิกสภาสหภาพยุโรป
       
        เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น “หัวใจของยุโรป” เดินเล่นชมย่านเมืองเก่าที่เรียกว่า LE PETITE FRANCE ชมด้านในมหาวิหารนอทเทรอดามที่ยิ่งใหญ่ และเมืองเก่าโดยรอบ
       
        ช้อปปิ้ง ณ ห้างแกลเลอรี่ลาฟาแยต (Galleries Lafayette) ห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียง และใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส เป็นห้างเก่าแก่อยู่คู่ฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปี 1893 มีสาขากระจายอยู่ตามเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ มีสินค้าแบรนด์เนม ให้เลือกซื้อหาหลากหลาย ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าระดับ HIGH END เครื่องสำอาง เครื่องประดับ ของตกแต่งบ้าน น้ำหอม ไปจนถึงไวน์ชื่อดังของฝรั่งเศส
       
        จากนั้นเดินทางไปเมืองปลายสุดของแคว้นอัลซาส เมืองธันน์ (Thann) ระยะทาง 125 กม. เพื่อค้างคืนที่เมืองนี้ 

 
       6 - Eguisheim - Colmar - Riquewihr - Freiburg
       
        วันนั้นแวะชมหมู่บ้านเล็กๆ น่ารักหลายแห่งแห่งแคว้นอัลซาส เป็นแคว้นไร่ไวน์ชื่อดังแห่งฝรั่งเศศ ระยะทางรวมแค่ 100 กม.
       
       
       
        - หมู่บ้านอองกีเชม (EGUISHEIM) หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” รวมทั้งเป็นหนึ่งในเส้นทางการชิมไวน์ทางตะวันออกของประเทศ ชมหมู่ดอกไม้หลากสีสันที่ออกดอกชูช่อตามระเบียงบ้าน
       
        - เมืองกอลมาร์ (COLMAR) เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกัน จัดเป็นอีกเมืองที่ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก จนได้รับการขนานนามว่า ลิตเติ้ลเวนิซ เพราะมีคลองน้ำไหลผ่าน 
       
        เป็นเมืองที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆของประเทศฝรั่งเศส มีบ้านเรือนแบบที่เรียกว่า Colombage (ฝรั่งเศส) หรือ Fachwerkhaus (เยอรมัน) เป็นบ้านครึ่งไม้ซุง บ้านจะขึ้นโครงบ้านด้วยไม้ทั้งหลังรวมทั้งหลังคาก่อน จากนั้นก็จะโบกปูนระหว่างช่องไม้แล้วทาทับด้วยสีสันสวยงามตามใจเจ้าของบ้าน
       
        - หมู่บ้านริควีร์ (Riquewihr) ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นอัลซาส และเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส เดินเล่นไปบนถนนสายหลัก Rue Charles de Gaulle
       
        เมืองอื่นๆ หากมีเวลา ท่านเพิ่มได้ตามชอบ เพราะมีเมืองเล็กน่ารักๆ มากมาย และหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ค้างคืนที่เมืองไฟรบวร์ก (Freiburg) 


       
        7 - Freiburg
       
       
        เดินทางไปเมืองไฟรบวร์ก (Freiburg) และพาเดินเล่นรอบเมืองที่มีชื่อเสียงด้านความสวยงาม ถือเป็นเมืองเก่าที่มีแดดอบอุ่นมากที่สุดในเยอรมัน และยังเป็นศูนย์กลางการทำไวน์อีกด้วย ตั้งอยู่ริมแม่น่ำไดรซัม (Dreisam River) ในเขตป่าดำ (Black Forest) โดยเมืองไฟร์บวร์ก ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในเขตป่าดำ
       
        - พาชมโบสถ์ Freiburg Muenster เป็นโบสถ์ใหญ่ประจำเมืองที่ใช้เวลาสร้างนานถึง 313 ปี และมีความสูงถึง 116 เมตร โบสถ์นี้รอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่ตัวเมืองถูกทำลายลงถึง 90%
       
        - ถนนที่สวยสุดของเมืองที่เรียกว่า Konviktstrasse เป็นบริเวณที่มีร้านค้ามากมาย มีไม้เลื้อยขึ้นตามบ้าน ทำให้ถนนเส้นนี้น่ารักยิ่งขึ้นไปอีก ละถือเป็นไฮไลท์ของเมืองแห่งนี้คือ B?chle หรือรางน้ำเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมถนนเกือบทุกเส้นในเมือง สร้างขึ้นในสมัยยุคกลางเป็นที่ระบายของเสีย ดับไฟ และใช้ป้องกันไม่ให้ไฟลามตอนเกิดไฟไหม้ และให้สัตว์ได้ดื่มกิน ปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นที่นั่งเล่นของเด็กๆในฤดูร้อน
       
        จากนั้นพาไปรับประทานอาหารเย็น หากต้องการ พาไปชอปปิ้งเอ้าท์เล็ต Wertheim Village และค้างคืนที่แฟรงก์เฟิร์ต (FRANKFURT) 


       8 - Frankfurt Airport - Departure
        ช่วงเช้าเช็คเอ้าท์จากโรงแรม หากเดินทางด้วยสายการบินไทย เครื่องบินจะเดินทางตอนเช้า แต่หากเดินทางด้วยสายการบินอื่นๆ พาท่านเที่ยวแฟรงก์เฟิร์ต ตามเวลาเอื้ออำนวย และนำส่งท่าน ณ สนามบินตามเวลากำหนด

 

ราคา

ค่ารถตู้พร้อมคนขับ ราคาวันละ 35,000 บาท 

ราคารวม

  1. ค่ารถตู้พร้อมคนขับ (ราคารวมค่าน้ำมัน ทางด่วน โรงแรมและอาหารของคนขับแล้ว)
  2. ค่าประกันการเดินทางแบบกลุ่ม ตามกฏหมายกำหนด คุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์

ราคาไม่รวม

  1. ที่จอดรถ จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเลือกเที่ยวจริง
  2. กรณีรถโค้ช ราคาไม่รวม City permit จ่ายเป็นรายครั้งไป ตามโปรแกรมท่านเที่ยวจริง, หากมีเอารถลงเรือ Ferry จ่ายเองหน้างานตามจริง
  3. ทิปคนขับ ตามพอใจ แนะนำ วันละ 40 ยูโร/คณะ
  4. อื่น ๆ ที่ไม่เขียนว่ารวม เช่น อาหารเที่ยงและเย็น ค่ายกกระเป๋า ณ โรงแรมที่พัก ค่าวีซ่าและค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ตั๋วท่องเที่ยว จ่ายหน้างานเองตามจริง ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และหัก ณ ที่จ่าย 3%
  5. หากต้องการหัวหน้าทัวร์ จ่ายเพิ่มวันละ 10,000 บาท ราคารวมโรงแรมและอาหารหัวหน้าทัวร์แล้ว

 การจ่ายเงิน

• งวด 1 มัดจำ คณะละ 5,350 บาท สามารถจองผ่านบัตรเครดิต ผ่านหน้าระบบเวบไซต์ได้เลย จากนั้นเราจะออกใบจองทัวร์คอนเฟิร์มให้ท่าน (หากทริปไม่คอนเฟิร์ม จะคืนเงินให้ 100% ภายใน 7 วัน) 

• งวดที่ 2 ท่านละ 5,000 บาท ภายใน 7 วัน หลังจากได้รับการคอนเฟิร์มแล้ว 

• งวดที่ 3 ท่านละ 25,000 หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว หรือ/และก่อนเดินทาง ไม่น้อยกว่า 30 วัน 

• งวดที่ 4 ท่านละ ที่เหลือ วันที่ 2 ของทริป หลังจากเราไปรับท่านแล้ว (เพื่อความมั่นใจ)